Latest posts

วัคซีนส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

624 Views 0 Liked

เพิ่มเพื่อนรับชุดเรียนรู้ล้างพิษวัคซีน 

เพิ่มเพื่อน


https://youtu.be/j_DdSMn55cA
https://link.springer.com/.../10.1007/s00392-022-02129-5...
https://link.springer.com/.../10.1007/s00392-022-02129-5...
Link Facebook

https://www.komchadluek.net/news/society/539091?adz=

ดร.ปีเตอร์ แมคคัลเลอ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ

      กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อโดยธรรมาชาติ ส่วนใหญ่พบในคนที่ป่วยหนักเข้า ICU เป็นแค่ระดับ Troponin สูงเท่านั้น มันแตกต่างจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดจากวัคซีนอย่างมาก กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากโควิด อาการจะน้อย ไม่ได้มีผลกระทบต่อเนื่องเพียงทำให้ค่า Troponin สูงแค่นั้น ทำให้ผมเข้าใจเลยว่า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อธรรมชาติ ไม่เหมือนกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดจากวัคซีนเลย

     วัคซีนทำให้เกิดกระบวนการอักเสบที่หัวใจ วัคซีนไปที่หัวใจโดยตรง มีการศึกษาเบื้องต้นแล้ว พบว่า อนุภาคนาโนไขมัน(Lipid Nanoparticlesจากวัคซีน ) ตรงไปที่หัวใจเลย หัวใจจึงสร้างโปรตีนหนามร่างกายจึงส่งภูมิคุ้มกันเข้าไปโจมตีที่หัวใจอีกทีทำให้ค่า EKG ผิดปกติมาก ค่า Troponin (ในเลือด) เพื่อดูการบาดเจ็บของหัวใจจากวัคซีนมันสูงกว่าจากการติดเชื้อธรรมชาติ 10-100เท่า อาการมันคนละอย่างกันเลย เมื่อเด็กมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีน 90% ต้องแอดมิดเข้า โรงพยาบาล สัญญาณ EKG ผิดปกติมาก และมีอาการปวดหน้าอกรุนแรง หัวใจล้มเหลว ต้องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง และอาจต้องทานยา เพื่อป้องกันหัวใจวาย สรุปว่า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีน เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และในเด็ก มันรุนแรงสาหัสกว่า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติอย่างมาก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


การติดตามดูผลข้างเคียงเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดในเด็กวัยรุ่นที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สอง

โดยทำการศึกษาในเด็กวัยรุ่นปกติทั้งหมด 301 คน ทุกคนจะได้รับการติดตามอาการหลังจากฉีดวัคซีน ได้รับการตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจเลือดดูค่าเอนไซม์หัวใจ ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหัวใจ(Echocardiogram) ตลอดจนตรวจเอ็มอาร์ไอหัวใจ ในวันที่ 3 7 และ 14 หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สอง

ทำไมมีคนพูดถึงกันเยอะ? เพราะหากว่า ความผิดปกติของหัวใจพบได้น้อย ไม่กี่รายในล้านรายอย่างที่อ้าง การวิจัยที่ทำในเด็กแค่ 301 คนไม่ควรจะพบว่ามีความผิดปกติใดๆ แต่จากการวิจัยนี้พบว่า

มีเด็กที่มีผลกระทบของระบบหัวใจและหลอดเลือดสูงถึง 29.24%

มีเด็กที่พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติสูงถึง 27.94%

มีเด็กที่ตรวจพบความผิดปกติของค่าเอนไซม์หัวใจ หรือการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงของหัวใจผิดปกติ 7 ราย หรือ 2.3%

มีเด็กที่มีค่า cardiac enzymes ผิดปกติ 5 รายหรือคิดเป็น 1.6%

มีเด็กที่มีผลการตรวจ echocardiogram ผิดปกติ พบมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ 3 ราย หรือ 1%

มีเด็กที่มีภาวะหัวใจอักเสบจนต้องเข้า โรงพยาบาล 2 รายหรือ 0.6%

มีเด็กที่มีภาวะหัวใจอักเสบจนต้องเข้าต้องเข้า ICU 1 ราย หรือ 0.3%

จากการวิจัยนี้อัตราการเกิดปัญหาต่อหัวใจที่ตรวจพบความผิดปกติของค่าเอนไซม์หัวใจหรือพบความผิดปกติจากการตรวจ Echocardiogram อันเป็นผลจากการได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สอง ไม่ได้พบไม่กี่รายในล้านอย่างที่พยายามอ้างกันแต่สูงถึง 23,256 รายต่อล้าน

จำเป็นต้องเข้ารพ ถึงถึง 6,645 รายต่อล้าน และครึ่งหนึ่งหรือ 3,322 รายต่อล้านต้องเข้าห้องไอซียู

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

เป็นที่ทราบกันดีว่า วัคซีนทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ได้ สไปก์โปรตีนที่เกิดจาก mRNA ที่ฉีดกัน ทำให้ผนังเส้นเลือดอักเสบได้ 

มีงานวิจัยของไทยที่พบว่า อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนี้สูงถึง 1 ใน 43 

ครึ่งนึงอักเสบโดยไม่มีอาการ แต่ทำให้วูบ เสียชีวิตกระทันหันได้ ตอนที่ออกกำลังกายหนัก อย่างที่เห็นเป็นข่าวบ่อยๆ ว่า นักกีฬาที่แข็งแรงวูบดับกลางสนาม

ตอนนี้นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ทำวิจัยพบว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจนเสียชีวิตหลังจากได้ mRNA พิษนั้น มีสูงขึ้นในทุกกลุ่มอายุ มิได้เป็นเฉพาะเด็กหนุ่มอย่างที่เคยเชื่อกัน การค้นพบนี้อาจจะอธิบาย สาเหตุการตายที่เพิ่มขึ้น excesses death ในประเทศที่ฉีดวัคซีน mRNA กันไปเยอะๆ

 

SARS-CoV-2 vaccine and increased myocarditis mortality risk: A population based comparative study in Japan

 

Conclusion SARS-CoV-2 vaccination was associated with higher risk of myocarditis death, not only in young adults but also in all age groups including the elderly. Considering healthy vaccinee effect, the risk may be 4 times or higher than the apparent risk of myocarditis death. Underreporting should also be considered. Based on this study, risk of myocarditis following SARS-CoV-2 vaccination may be more serious than that reported previously

 

https://youtu.be/86fcpHrAOUM

https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2022.10.13.22281036v1

https://live.childrenshealthdefense.org/shows/chd-friday-roundtable

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

—> https://odysee.com/@EE:8/InflamationOfTheHeart:5?r=BhLFiqkbRqf1oEv8g5popqgWVu8AdCYH ซับไทย

การอักเสบที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนของกล้ามเนื้อหัวใจ - กล้ามเนื้อหัวใจตาย - เหมือนกับระเบิดเวลา เนื่องจากแผลเป็นภายในกล้ามเนื้อรุนแรงถึงตายได้ อาจส่งผลในระยะยาวได้

ถึงตอนนี้ ทุกคนคงเคยได้ยินว่าวัคซีนโควิดทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายได้ โดยเฉพาะในเด็ก อย่างไรก็ตาม ความสำคัญถูกมองข้ามในสื่อและแม้แต่ในสิ่งพิมพ์ทางการแพทย์ที่เป็นทางการ ในวิดีโอความยาว 11 นาที Joseph Thoma MD/PhD หมอจากเบอร์ลิน อธิบายว่าการวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายหมายถึงอะไร: 

แม้ว่าจะหายเป็นปกติแล้วก็ตาม ผู้ป่วยยังคงมีความเสี่ยงตลอดชีวิตของการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจกะทันหัน และมักจะมีความแข็งแกร่งและคุณภาพชีวิตลดลงด้วย

เขาจบลงด้วยการขอร้องให้เราปกป้องลูกหลานของเรา โปรดดูวิดีโอสำคัญนี้และแชร์

Source: https://doctors4covidethics.org/video-the-inflammation-of-the-heart-muscle-caused-by-sars-cov-2-vaccine/

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


วัคซีนไฟเซอร์ทำให้เกิดความผิดปกติของหัวใจมากกว่าที่อ้าง

เป็นที่ยอมรับกันโดยไม่มีข้อสงสัยแล้ว ว่า วัคซีนไฟเซอร์ ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในเด็กๆได้ มีงานวิจัยที่พบว่าสไปก์โปรตีนที่วัคซีนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างนั้นคือสาเหตุ และมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าสามารถพบmRNAวัคซีน ในกระแสเลือดหลังจากได้รับวัคซีนมาแล้วถึงสิบห้าวัน[1] ที่สำคัญมีเด็กที่เสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีน เด็กที่ก่อนหน้านี้แข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัวใดๆ[2] เด็กเป็นกลุ่มประชากรที่โอกาศเสียชีวิตจากโควิดน้อยมาก แถมวัคซีนที่นำมาฉีดนั้นก็ไม่สามารถกันการติดเชื้อ ไม่สามารถกันการแพร่เชื้อได้ การฉีดวัคซีนในเด็กเพื่อป้องกันปู่ย่าตายายจึงมิใช่เหตุผลที่มีน้ำหนักแต่อย่างใด เพราะแม้แต่รัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนไปแล้วหกเข็มยังติดโควิดและสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้

อย่างไรก็ดีมีความพยายามที่จะบอกว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนนั้นพบได้น้อย  และไม่เป็นอันตราย ทั้งที่ข้อมูลงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเพิ่มมากขึ้น 133 เท่าหลังจากได้รับวัคซีน[3][4] ตอนนี้มีงานวิจัยของประเทศไทย[5][6] ทำการศึกษาแบบติดตามดูอาการไปข้างหน้า(prospective study)   ในเด็กไทยอายุระหว่าง 13-18 ปี ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สอง โดยตามดูค่า cardiac enzymes คลื่นหัวใจ echocardiogram cardiac MRI ของเด็กในวันที่ 3 7 และ 14 หลังจากได้รับวัคซีน ผลการวิจัย พบว่าอัตราการเกิดปัญหาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก โดยพบว่า

มีเด็กที่มีผลกระทบของระบบหัวใจและหลอดเลือดสูงถึง 29.24% 

มีเด็กที่พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติสูงถึง 27.94%

มีเด็กที่ตรวจพบความผิดปกติของค่าเอนไซม์หัวใจ หรือการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงของหัวใจผิดปกติ 7 ราย หรือ 2.3%

มีเด็กที่มีค่า cardiac enzymes ผิดปกติ 5 รายหรือคิดเป็น 1.6%

มีเด็กที่มีผลการตรวจ echocardiogram ผิดปกติ พบมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ 3 ราย หรือ 1%

มีเด็กที่มีภาวะหัวใจอักเสบจนต้องเข้า โรงพยาบาล 2 รายหรือ 0.6% 

มีเด็กที่มีภาวะหัวใจอักเสบจนต้องเข้าต้องเข้า ICU 1 ราย หรือ 0.3%

ทั้งหมดเป็นการติดตามดูในเด็กที่แข็งแรงดีเพียงแค่ 301 ราย เด็กกลุ่มนี้หากติดเชื้อโควิดก็จะไม่มีอาการอะไร หรืออย่างมากมีไข้สองสามวันก็หายและในปัจจุบันมียามากมายที่สามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัตราเสียชีวิตจากโควิดของเด็กกลุ่มนี้ตามข้อมูลของกรมควบคุมโรคอยู่ที่ 16 ในล้านราย[7] และส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตมีปัญหาสุขภาพเดิมอยู่ด้วย มิใช่เด็กแข็งแรงเหมือนในการวิจัยนี้

หากจะคิดอัตราที่พบความผิดปกติของหัวใจหลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากการวิจัยนี้จะพบว่ามีอัตราสูงถึง 23,256 รายต่อล้าน หรือหากนับแค่อัตราป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีน จะสูงถึง 6,645 รายต่อล้าน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่ง หรือ 3,322 รายต่อล้านที่ต้องเข้า ICU

การอนุญาตให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก เป็นการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค (Conditional Approval for Emergency Use of Medicinal Products)[8] โดยตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้กำหนดเงื่อนไขในข้อ ๓ (4) (5) (6) ไว้ดังนี้

(4) ผลการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ยา (Risk-benefit analysis) อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยพิจารณาจากหลักฐานทางเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งประเมินแล้วว่าประโยชน์ที่ทราบและเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ยามากกว่าความเสี่ยงที่ทราบและที่เป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ยา

การประเมิน Risk-Benefit เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องประเมินตลอดเวลา เมื่อมีข้อมูลใหม่ต้องทำการประเมินใหม่ ผลกระทบจากโควิดในเด็ก

การประเมิน risk/benefit ต้องเทียบความเสี่ยงในการไม่ได้รับวัคซีนสำหรับเด็กกลุ่มนี้ คือ มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด 1 ใน 62,500 ราย โดยเด็กเหล่านั้นเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวอื่นๆร่วมด้วย

ในขณะที่ ถ้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เด็กกลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ 1 ใน 43 ราย กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบสามารถทำให้เสียชีวิตได้ ที่สำคัญจากข้อมูลของบริษัทยาเอง วัคซีนไฟเซอร์ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ไม่สามารถป้องการการป่วยหนักได้ ไม่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้[9]

จากข้อมูลจากการวิจัยดังกล่าวจะเห็นชัดเจนว่า ประโยชน์ที่ได้จากการให้เด็กฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้เป็นการพิจารณาแค่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น หากนับรวมถึงผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ ระบบเลือด ผลกระทบต่อสารพันธุกรรมตลอดจนความเสี่ยงที่ทำให้เป็นมะเร็งในระยะยาวด้วยแล้ว[10] เงื่อนไขในการอนุญาตของวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กจึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

(5) เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ยากับบุคคลเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนั้น

เด็กมิใช่บุคคลเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-๑๙ จากข้อมูลของกรมควบคุมโรคเองระบุว่าอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิด-๑๙ ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 10 ปี อยู่ที่เพียง 12 รายต่อประชากรล้านคน และ ในกลุ่มอายุ 10-19 ปี มีอัตราการเสียชีวิตเพียง16 รายต่อประขากรล้านคน เด็กส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเป็นเด็กที่มีโรคอื่นร่วมด้วย การติดเชื้อโควิด-๑๙ จึงมิได้เป็นปัจจัยหลักให้เสียชีวิต นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังมีคำแนะนำที่ระบุชัดเจนถึงประชากรกลุ่มเสี่ยง 608[11] ซึ่งมิได้นับรวมเด็กเข้าอยู่ในประขากรกลุ่มนี้ เด็กจึงมิใช่บุคคลเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรค เงื่อนไขในข้อนี้จึงมิได้เป็นไปตามที่ประกาศ

(6) ไม่มีผลิตภัณฑ์ยาในการรักษาที่ได้รับอนุมัติ หรือผลิตภัณฑ์ยาในการรักษาที่ได้รับอนุมัติไม่ตอบสนองเพียงพอต่อการรักษาได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินมีการระบาดใหญ่ของโรค

ปัจจุบันมียามากมายหลายชนิดที่สามารถใช้ในการรักษาโรคโควิด๑๙ ได้[12] วัคซีนจึงมิใช่ทางเลือกเดียวที่มี และมีงานวิจัยที่ยืนยันว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า และคงอยู่นานกว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีน ปัจจุบันพบว่าคนไทยจำนวนมากติดเชื้อโดยไม่มีอาการจำเป็นต้องตรวจหาภูมิคุ้มกันถึงรู้ว่าติดเชื้อมาแล้ว[13] ภูมิคุ้มกันเหล่านั้นเป็นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ป้องกันการแพร่เชื้อได้[14] การใช้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กปกติจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ใจดีที่มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของเด็กไทย ขอให้ช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการทบทวน การอนุมัติฉุกเฉินของวัคซีนไฟเซอร์ ทุกๆเสียงของพวกท่านจะเป็นการปกป้องเด็กไทยให้ปลอดภัยจากวัคซีนที่ยังอยู่ระหว่างการทดลองนี้ วัคซีนที่มิได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ วัคซีนที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนยาตามปกติ วัคซีนที่บริษัทผู้ผลิตไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีน[15] มาช่วยกันนะครับ ช่วยกันแชร์ ช่วยกันบอกต่อ บอกให้พ่อแม่ครูผู้ปกครองทุกคนรับรู้ข้อมูลนี้ ทำให้เสียงของพวกท่านดังกังวานไปไกลจนไปเข้าหูผู้มีอำนาจในรัฐบาล หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้เกิดการทบทวนการอนุมัติฉุกเฉินวัคซีนในกลุ่ม mRNA ในเด็ก ๆ


[1] https://www.mdpi.com/2227-9059/10/7/1538

[2] ระบบรับคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีน Covid-19 (nhso.go.th)

[3] https://www.israelnationalnews.com/news/321238

[4] https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2788346

[5] https://www.preprints.org/manuscript/202208.0151/v1

[6] VACCINE MYOCARDITIS UPDATE FROM THAILAND 

DR. ANISH KOKA'S NEWSLETTER

[7] https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/?dashboard=death-statistics

[8] 152. การอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค​ (Conditional Approval for Emergency Use of Medicinal Products) – กองยา (moph.go.th)

[9] https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/5-11.html

[10] เอกสารกำกับยา ของโคเมอร์เนตี เอกสารที่หมอและพ่อแม่ควรอ่าน Atapol’s Newsletter

 
เอกสารกำกับยา ของโคเมอร์เนตี เอกสารที่หมอและพ่อแม่ควรอ่าน
เอกสารกำกับยา ของโคเมอร์เนตี เอกสารที่หมอและพ่อแม่ควรอ่าน โคเมอร์เนตี หรือ ที่รู้จักกันดีในชื่อ วัคซีนไฟเซอร์ หนึ่งในวัคซีนที่ อ.ย.อนุญาต ให้ใช้ฉีดในเด็กๆ แต่เป็นการอนุญาต แบบมีเงื่อนไข ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งไม่ใช่การขึ้นทะเบียนยาตามปกติ การอนุญาตแบบฉุกเฉินนี้ มีประเด็นสำคัญที่เราควรรู้ สองข้อหลักคือ…
Read more

[11] https://multimedia.anamai.moph.go.th/anamai-toons/covid-vaccine-4/

[12]

https://c19early.com/

[13] https://www.amarintv.com/news/detail/126791

[14] https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/blog-post_79.html

[15] https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/eua.html

-----------------------------------------------------------------------------

งานวิจัยใหม่ของแพทย์ไทยบ่งชี้ว่าอัตราเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีน mRNA ในวัยรุ่นสูงกว่าที่เคยคิดราว 300 เท่า

-----------------------------------------------------------------------------

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อบุหัวใจอักเสบ เป็นความผิดปกติที่พบได้บ้างนานๆครั้งส่วนใหญ่จะเป็นจากการติดเชื้อไวรัส หรือโรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเอง คนไข้ที่เป็นมักจะมีอาการไข้ ไม่สบาย นำมาก่อน 

โอกาสที่จะไม่มีอาการแสดงใดๆนั้น พบน้อยมาก


Subclinical myocarditis/pericarditis คือ การที่กล้ามเนื้อหัวใจ/เยื่อบุหัวใจอักเสบ แบบไม่แสดงอาการ เป็นความผิดปกติที่พึ่งพบเร็วๆนี้ หลังจากที่มีการระดมฉีด nRNA วัคซีน มีงานวิจัยที่ประมาณการว่า พบได้ในอัตราสูงถึง 25000ราย ในผู้ที่ได้รับ mRNA ล้านราย โดยพบมากขึ้นในเข็มบูสต์ 

Leave a comment