Latest posts

สารคดีการใช้คลอรีนไดออกไซด์รักษามาลาเรียหายใน 24ชั่วโมง

468 Views 0 Liked

เพิ่มเพื่อนรับชุดเรียนรู้ล้างพิษวัคซีน 
เพิ่มเพื่อน

กำจัดมาลาเรียใน 24 ชั่วโมง ทดสอบโดยสภากาชาด ปี 2012 จิม ฮัมเบิล

MMS Clinical Trial for Malaria (Red Cross 2012)

Red Cross Clinical Pilot Trial

with waterpurificator Luuka District 12-12-2012 Uganda/Africa

 การทดลองใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในน้ำ(คลอรีนไดออกไซด์) ปี 2012 โดยคลอรีนไดออกไซด์ สูตรจิม ฮัมเบิล

 

ปลายปี 2012 ช่วงที่ผู้คนบางกลุ่มบนโลก กำลังรอให้โลกแตกเราโชคดีที่มีโอกาสเริ่มต้นยุคใหม่กับ MMS จะด้วยความบังเอิญ หรือโชคช่วยก็ตาม เราได้มีโอกาสร่วมงานกับสภาการชาดของทางอูกันดา ในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งทำให้เราสามารถให้ MMS กับผู้ป่วยที่คลินิคในลูก้า เป็นเวลา 4 วัน สภากาชาดสนใจว่า MMS จะทำให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ไหม โดยเฉพาะถ้ามันสามารถรักษามาลาเรียที่กำลังระบาดอยู่ได้

 โปรเจคนี้เริ่มต้นต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์ ในการเตรียมตัว ซึ่งมีรายละเอียดมากมายในทุกขึ้นตอน การจะทำอะไรแบบนี้ในแอฟริกา ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก และต้องเตรียมพร้อมกับอะไรที่เกิดขึ้นได้ เช่น เราไม่รู้ว่ามีผู้ป่วยกี่คนที่จะร่วมทดสอบ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดี คุณจะเห็นได้ว่ามีคนสุขภาพไม่ดีมากมายในวันแรก มารอรับการรักษา ก่อนที่คนป่วยจะได้รับการรักษา ชื่อและข้อมูลจะถูกบันทึกไว้และคีย์เข้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นพวกเขาจะได้รับการตรวจเบื้องต้นโดยแพทย์ เพื่อบันทึกอาการ ลงไว้ในแบบฟอร์ม คนป่วยทุกคนจะได้รับการตรวจหาเชื้อมาลาเรีย ซึ่งผลลัพธ์ออกมารวดเร็ว(ใช้ชุดตรวจ Rapid Test)และบอกได้ว่าพวกเขาติดเชื้อหรือไม่ ชุดตรวจจะมีตัวเลขกำกับและบันทึกไว้บนแบบฟอร์ม ถ้าหากว่าไม่มีขีดแดงขึ้น แสดงว่าคนนั้นไม่ติดเชื้อมาลาเรีย แต่หากว่ามีขีดสีแดงขึ้น ก็แสดงว่าคนนั้นติดเชื้อมาเลาเรียแล้ว ตามตัวอย่างในคลิปจะมีแถบสีแดงขึ้นทั้ง 2 ขีด นั่นคือได้ติดมาลาเรียทั้ง 2 สายพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะมาลาเรียมีอยู่ 5 สายพันธุ์ 

       เมื่อเรามองดูรอบๆจากจำนวนคนที่มารอตรวจในห้องแล็บก็พอจะมองออกว่ามีกี่คนที่กำลังป่วยจากมาลาเรียอยู่ คนที่ตรวจแล้วมีผลเป็นบวก จะถูกส่งตัวไปยังห้องแล็บเพื่อตรวจเลือดเป็นครั้งที่ 2 เพื่อนับจำนวนเชื้อมาลาเรีย (พยาธิ) โดยส่องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ เพื่อจะได้รู้ว่าคนๆนั้นป่วยแค่ไหน 

     ทางห้องแล็บจะเก็บบันทึกข้อมูลไว้อีกชุดนึง เพื่อใช้วิเคราะห์ผลลัพธ์ คนที่ตรวจแล้วไม่เจอมาลาเรีย จะไปให้นางพยาบาลตรวจแบบละเอียดอีกครั้งหนึ่ง 

   เมื่อพยาบาลตรวจเสร็จแล้ว ผู้รับการตรวจก็จะถูกส่งไปยังโต๊ะที่เตรียม MMS(น้ำยาฆ่าเชื้อในน้ำ) ไว้ให้ดื่ม โดยแต่ละคนจะได้ปริมาณ MMS ที่เหมาะสม ผู้ใหญ่ที่ติดมาลาเรียได้ 18 หยด ผู้ใหญ่ที่ไม่ติดได้ 8 หยด เด็กที่ติดมาลาเรียได้ 8 หยด เด็กที่ไม่ติดได้ 6 หยด และเด็กเล็กไม่ว่าติดหรือไม่ ทุกคนก็ได้รับ 2 หยดเหมือนๆกัน 

   MMS ถูกทำปฏิกิริยาด้วย กรดซิตริก 35%(สูตรนี้ปัจจุบันเก่าไปแล้ว) หลังจากรอปฏิกิริยา 20 วินาที จึงเติมน้ำครึ่งแก้วลงไป จริงๆแล้วเด็กเล็กได้รับปริมาณน้อยกว่า เพราะว่าพวกเขาดื่มได้ไม่เยอะ ตอนสุดท้าย ทุกคนจะได้รับน้ำแร่ 1 ขวด เพื่อให้ร่างกายได้ล้างพยาธิออกมาได้ง่าย

   คนที่ได้รับการรักษา ต้องกลับมาในวันรุ่งขึ้นเพื่อตรวจเลือด จะได้รู้ว่า MMS ได้ผลหรือไม่ เราจะเห็นว่าบยแบบฟอร์มบันทึกผล ในวันที่ 2 หลังจากที่ตรวจเลือดแล้วว่าไม่มีมาลาเรียในเลือดแล้ว ก็หมายความว่า ผู้ป่วยตอนนนี้สุขภาพดีขึ้นมาแล้ว ไม่มีเชื้อมาเลาเรียเหลือแล้วภายใน 24 ชั่วโมง พนักงานทำแล็บลงลายมือชื่อยืนยันว่า รักษามาลาเรียได้แล้ว คลินิคตั้งอยู่ในเขตลูก้า บริเวณห่างไกล ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที จากเมืองที่ใกล้ที่สุด สภากาชาดเลือกคลีนิคที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาทดสอบเกี่ยวกับคุณภาพน้ำ และสุขภาพของคนที่นี่ พวกเขาต้องการรวมผลของการทดสอบครั้งนี้ เข้าไว้ด้วยกันกับผลการวิจัยที่ได้ทำไปแล้ว

   สภากาชาดใช้วิธีกระจายข่าวผ่านวิทยุกระจายเสียง 2 สถานีเพื่อหาคนทดสอบให้มาตรวจที่คลินิค  ในระยะ 4 วัน ก็มีคนมามากข้นทุกๆวัน เราตั้งเป้าไว้ตอนแรกที่จะรักษาคนป่วยมาลาเรียที่ 200 คน ด้วย MMS แต่เมื่อครบ 4 วันเราได้ดูแลคนไปทั้งหมดถึง 781 คน แต่มีคนแค่ 154 คนที่ติดมาลาเรีย 

       โดยจาก 154 คนนี้ที่มีเชื้อมาลาเรียมี 143 คนที่ได้รับ MMS ดื่มนั้นไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่เลยภายใน 24 ชั่วโมง ส่วน 11คนที่เหลือยังคงมือเชื้อหลงเหลืออยู่ในวันรุ่งขึ้น เมื่อสอบถามทราบว่าเป็นเพราะไม่ดื่ม MMS ให้หมดโดส หรือบ้างก็บ้วนออก โดสที่ได้รับจึงเจือจางเกินระดับการรักษาที่จะไปฆ่าเชื้อมาลาเรียได้หมด คนกลุ่มนี้จึงได้รับ MMS อีกครั้งดื่ม และครั้งนี้ถูกทำให้แน่ใจว่าพวกเขาดื่มหมดจริงๆ หลังจากนั้นก็ตามผลอีกครั้ง และพบว่าพวกเขาหายจากการติดเชื้อมาลาเรียแล้วเช่นกัน

 (สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่) ผมรู้สึกดีใจมากๆเลย เพราะผู้หญิงคนนี้มาเมื่อวานด้วยสภาพที่ดูแย่มาก แล้วเราก็ให้เขาดื่ม MMS ผมตกใจมากที่เธอกลับมาอีกวันแล้วดูเป็นปกติดี เธอกระโดดโลดเต้นดีใจ เธอก็หวังว่าคนอื่นๆ จะได้รับผลแบบเดียวกัน และเธอก็อวยพรให้เราประสบความสำเร็จ ผมเลยดีใจมาก

   หมออาวุโสให้ข้อมูลแบบละเอียดกับเรา 781 คนได้รับการตรวจ 154 ติดมาลาเรีย 143 หายเป็นปกติ หลังจากดื่ม MMS 11 คนไม่โอเค เพราะว่าดื่ม MMS จำนนวนหยดน้อยไป คุณหมอพอใจกับผลลัพธ์ไหมครับ? พอใจมากครับ

  มีภาพโปรเจคการทำงานของทีมเรากับสภากาชาด 

    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ยาสมัยใหม่ เริ่มเข้ามามีบทบาท มีความพยายามในการใส่ร้าย วิธีการรักษาทางเลือก การรักษาทางธรรมชาติ ที่ไม่เหมือนการแพทย์สมัยใหม่ ถูกตีตราว่าเป็นเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวงข่าวเท็จ แม้กระทั้งปัจจุบัน ซึ่งผ่านมาเกือบร้อยปีแล้ว ยาสมัยใหม่ก็ยังไม่ยอมรับการรักษาวิธีทางธรรมชาติ

  โชคดีที่ไม่ใช่ทุกคนจะถูกขู่ให้กลัวได้ และยังมีหลายคนที่พร้อมเสี่ยงตัวเองเพื่อคนอื่นๆ Jim Humble คือตัวอย่างที่ดีในการค้นพบ MMS ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อในน้ำ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพหลากหลาย เป็นเวลามากกว่า 10ปีที่องค์กรสุขภาพใหญ่โจมตี MMS โดยใช้ให้นักวิทยาศาสตร์มาออกสื่อเพื่อโกหกว่า MMS เป็นอันตราย คลิปนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า MMS มีประสิทธิภาพจริงในการต่อสู้กับโรคที่ร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่ง

  บรรดาหมอที่คลินิคนี้ไม่ได้ถูกกดดันโดยบริษัทหรืออุตสาหกรรมยาใดๆ และพวกเขาไม่ได้มีความคาดหวังอะไรพวกเขาไม่รู้เลยว่า น้ำยาฆ่าเชื้อในน้ำจะมีผลอะไรไหม แต่เมื่อผลของวันที่สองออกมาว่า คนส่วนใหญ่ผลตรวจมาลาเรียเป็นลบ(หายแล้ว) พวกหมอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก พวกเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย ก่อนวันนั้น มาลาเรียคือโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่ใช่แค่นั้น หมอยังตกใจมากขึ้นไปอีกที่พบว่าคนป่วยที่มีอาการอื่นๆที่รักษาไม่ได้แล้ว ก็กลับมาสุขภาพดีอีกด้วย บริษัทยาในอุตสาหกรรมนี้ ไม่พยายามที่จะรักษาผู้คน แต่ทำแค่ปกปิดอาการ พวกเขากลายเป็นองค์การปิศาจที่ทำให้เกิดความทรมาณโดยไม่จำเป็นต่อมนุษยชาติ และควรจะถูกตัดสินที่ศาลในกรุงเฮก มันอาจจะฟังดูแรงไป แต่ลองคิดถึงคนที่เป็นล้านๆที่ป่วยอยู่ทั่วโลก อุตสาหกรรมยาได้ฝังอิทธิพลลงไปในทุกประเทศทั่วโลก โดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหน คุณจะเห็นการต่อสู้กับการรักษาทางธรรมชาติบำบัด และการทำลายความรู้เดิมๆ ภายใน 2-3 ปี เหตุผลคือ คุณไม่สามารถจดสิทธิบัตร วิธีการรักษาทางธรรมชาติเหล่านี้ได้ จึงไม่สามารถทำเงินเป็นล้านๆจากสมุนไพรได้ แต่ที่แย่กว่า คือพวกที่ทำตามบริษัทพวกนี้แบบไร้สมอง ไม่ตั้งคำถาม พวกเขาไม่ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับเลย พวกเขาไม่เคยทำงานวิจัยด้วยตัวเอง และไม่รู้เลยว่าอะไรคือข้อเท็จจริง แค่ต้องการจะมีชีวิต และการงานที่ดีไปวันๆ โชคไม่ดีนักที่มีคนแบบนี้เยอะ และถูกชักจูงไปได้เรื่อยๆ จนวันนึงพวกเขาก็ตายไป เพราะพวกเขาก็ต้องป่วยได้

   แม้ว่าคนจะเจ็บป่วยจากโรคหลายอย่างมากแค่ไหน คนส่วนใหญ่ก็ยังคงหลับใหลอยู่ แต่ก็ยังมีศรัทธาในตัวหมอที่ถูกล้างสมองมา วันนี้คนที่มีพลังความกล้าที่จะรับผิดชอบต่อชีวิตตนเอง จะให้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดี เรารู้สึกดีใจมาก ที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสภากาชาดกับโปรเจคนี้ สภากาชาดเป็นองค์กรที่ทำงานจริงจังคนที่ทำงานและอาสาสมัครมีความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นๆจริง คลิปนี้สำคัญมากๆ เพราะ MMS ที่จิม ฮัมเบิล ค้นพบนั้น ถูกใส่ร้ายว่าเป็นสารฟอกขาว และไม่ใช่ยา ซึ่งเป็นความเท็จทั้งหมด ความจริงมันชัดเจนว่า MMS มีความสำคัญมากในการต่อสู้กับโรคมาลาเรียทั่วโลก รวมถึงโรคอื่นๆที่มันช่วยได้ด้วย เราได้แต่หวังว่า กลุ่มคนที่เข้าใจผิด จะตื่นขึ้นมาและทบทวนความเชื่อตนเองใหม่ 

   ผมต้องขอขอบคุณ คนที่ให้เส้นทางชีวิตใหม่แก่ผม เขาให้โอกาสผมทำสิ่งที่สำคัญมากสำหรับมนุษยชาติ

  ดังนั้น คลิปนี้ จึงทำขึ้นเพื่อระลึกถึงเขา (จิม ฮัมเบิล) และหวังว่ามันจะช่วยเหลือเขาในเป้าหมายที่เขาต้องการ thank you Jim

 

 

Leave a comment